วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ผลข้างเคียงของความเพียร

แปลกนะ ที่คนในปัจจุบันไม่ค่อยจะยอมเป็นฝ่ายแพ้ หรือยอมเป็นฝ่ายให้อภัย
ทำไมเราต่างคิดกันเหลือเกินว่า
ทำยังไงเราถึงจะเป็นผู้ชนะ และยอมแพ้ไม่ได้
แม้กระทั่งกับโชคชะตาก็จะแพ้ไม่ได้

ดิ้นรนอยู่บนความทรมานของทิฏฐิมานะแห่งความพากเพียร
เพียรที่จะเป็นหนึ่งในสายงานของตนเอง
เพียรที่จะสร้างชื่อเสียง เกียรติยศ
เพียรที่จะสร้างความมั่นคงในฐานะความเป็นอยู่

สำหรับตรีเอง  มองว่าความเพียรเหล่านี้ดีในระดับหนึ่ง
ดีตรงที่ทำให้เราเกิดความุมานะ ความตั้งใจที่ฝ่าฟันปัญหาต่าง ๆ ไปให้ได้
แต่พอมันมีความเพียรมากไป มันก็เลยกลายเป็น "ทิฏฐิมานะ"
ซึ่งกลายเป็น "อัตตา" ประจำตัวของคน ๆ นั้นไป

ยิ่งเพียรมาก ยิ่งทำให้ใจของคนเราแคบลง
เพราะกว่าจะได้ กว่าจะสำเร็จอะไรแต่ละอย่าง
มันไม่ได้มาง่าย ๆ สักหน่อย
ต้องเจอปัญหานานัปประการกันเลยทีเดียว
แถมบางคนยังไม่มีตัวช่วย ไม่มีใครอุปถัมภ์ค้ำชู
กว่าจะมาสำเร็จได้ ก็ด้วยลำแข้ง ด้วยสองมือของตนเองทั้งสิ้น

ทำไมเราไม่พยายามให้ "มีความเพียรแต่พอดี"
ทำให้ใจเราไม่ต้องเป็นทุกข์ ไม่ต้องดิ้นรนขวนขวายมากมาย
บางคนดิ้นรนกันเพื่อให้ได้มาซึ่งอนาคตที่ดี
แต่ในขณะปัจจุบันนี้ ยังไม่ได้ทำอะไรให้มันดีขึ้นมาได้เลย
จะไปดิ้นรนหาอะไรกันเหรอ

ขนาดวันนี้ยังทำให้ดีที่สุดไม่ได้เลย
แล้วมัวแต่โทษฟ้าฝนลมเทวดา
บางคนก็ไปโทษความซวยส่วนตัว
แต่ลืมโทษความคิดของตัวเราเองนี่แหล่ะ

เพียรแต่พอดี  มันมีประโยชน์
แต่พอเพียรมากไป  มันก็โทษเหมือนกันนะคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น