วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555

มุมมองด้านความรัก

ความรักเป็นสิ่งที่ดี และสวยงาม
เพียงแต่เราจะมองความรักเป็นแบบไหน
มันก็ล้วนแล้วแต่ขึ้นอยู่กับบุคคลแต่ละคน

บางคนมองว่า "รักคือการให้"
บางคนมองว่า "รักคือการเป็นเจ้าของ"
บางคนมองว่า "รักคือความมั่นคง"
บางคนมองว่า "รักคือฐานะทางสังคม"
บางคนมองว่า "รักคือการแย่งชิง"
บางคนมองว่า "รักคือการหึงหวง"
บางคนมองว่า "รักคือ.............."

อีกหลายมุมมอง ซึ่งตรีบอกได้เลยค่ะว่า "ทุกคนมองความรักกันไปในคนละแบบ"
แต่อยากจะบอกให้รู้จังเลยค่ะ ว่าจริง ๆ แล้วความรักมันมีความสวยงามอยู่ในตัวของมันเอง
มันจะสอนให้เรารู้จักกับคำว่า "เสียสละ" และ "การให้"
แต่ในขณะเดียวกัน ความรักของคนในสมัยนี้ มันไม่ได้แปลความหมายอย่างนั้นแล้วนะคะ
เพราะสมัยนี้ความรักสอนให้เรารู้จักกับคำว่า "ครอบครอง" และ "ยึดติด"

การแก้ไขเวรกรรมทางด้านความรักนั้น
โดยเนื้อแท้ ๆ ของมันแล้ว เราจำเป็นจะต้องมองเข้าไปในตัวเองลึก ๆ มากกว่า
มองเข้าไปแบบไม่ต้องมีความเสแสร้งหรือเข้าข้างตัวเองนะคะ
ว่าเราต้องการอะไร และสิ่งที่เราต้องการนั้นมันทำประโยชน์ให้กับเราและคู่ของเราไม๊
หรือที่เราทุ่มเททั้งหมดไป เพื่อแลกกับความไม่จริงใจที่เค้ามอบให้มาใช่หรือไม่

ถ้าเป็นแบบนี้ต้องบอกเลยนะคะว่า "เตรียมตัวเจ็บได้เลยค่ะ"
จะเจ็บมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับคำ ๆ เดียวค่ะ "สติ"
การเจอความรักไม่ว่าจะรูปแบบใดก็แล้วแต่
"สติ" จะสามารถประคับประคองให้เรามีแสงสว่างในการมองเห็นความรักค่ะ

ใครบางคนคงกำลังถามว่า แล้วจะไปหา "สติ" มาจากไหนคะ
"สติ" เกิดจากการที่เรามองโลกไปตามความเป็นจริงค่ะ
ไม่ใช่แบบว่ามองแล้วเอื้อให้กับตัวเองแบบนั้นไม่ใช่นะคะ
มองจริง ๆ ว่านี่คือความรัก ความหลง ความโลภ ความอยาก
หรือคือการให้

ข้อนี้คิดกันเองได้นะคะ

วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

คติประจำวันนี้

แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์
มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด
ไม่เคี้ยวคดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน

สอนให้รักตัวเองก่อนนะคะ
ก่อนจะไปรักใคร จงซื่อสัตย์และจงเชื่อมั่นในตนเองเสมอ
อย่ารักใครหรือหวังดีกับใครจนลืมตัวของเราเองนะคะ

สำคัญเสมอ เพราะเจ็บกับเรื่องแบบนี้ตลอดจริง ๆ

วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

กรรมดีคืออะไร

กรรมดี คืออะไร

กรรมดี คือการทำความดีประเภทต่าง ๆ นะคะ
ไม่ใช่แค่ว่าเป็นการทำบุญ ทำทาน
สวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ ภาวนาแค่นั้นนะคะ
แต่เป็นการทำความดีซึ่งเกิดขึ้นมา
เพราะต้องการเห็นผู้อื่นพ้นทุกข์
หรือการช่วยเหลือโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
แค่อยู่เฉย ๆ ไม่อาฆาตพยาบาทก็เป็นการสร้างกรรมดีแล้วค่ะ

หรือแม้แต่คนที่มีศัตรู หรือคู่อาฆาต
หรือคนที่เค้าทำให้เราเจ็บช้ำ แต่เราไม่อาฆาตเค้า
เราให้อภัย และอโหสิกรรมให้
สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นการสร้างกรรมดีนะคะ

และกรรมดีครอบคลุมถึงอะไรบ้าง
แม้แต่การเปลี่ยนน้ำหน้าพระ ทำความสะอาดหิ้งพระ
การดูแลบุพการี การเลี้ยงดูบุตรตามหน้าที่ และกำลังความสามารถ
หรือการทำหน้าที่เป็นคนในสังคมที่ดี
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นกรรมดีนะคะ

ไม่จำเป็นต้องเป็นการสวดมนต์
การไหว้พระ หรือการนั่งสมาธิหรอกนะคะ
แต่การสวดมนต์ หรือการนั่งสมาธิ เป็นการทำบุญขั้นสูงค่ะ
เป็นการทำบุญที่เราเรียกกันว่า "ปฏิบัติบูชาค่ะ"
ไม่ต้องใช้เงินตรา แค่พาสังขารนี้ไปนมัสการพระรัตนตรัย
แค่นั้นเองค่ะ และสิ่งที่เราได้รับกลับมาก็คือ "สติ และปัญญา"

กรรมดีมีมากมายนะคะ
แค่เราไม่คิดร้ายกับผู้อื่น
ไม่อิจฉาริษยา ไม่อยากได้ในสมบัติของผู้อื่น
ไม่นอกใจ นอกใจคู่สมรส
ไม่โกหก ปลิ้นปล้อน กะล่อน ตอแหล
หรือไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขทั้งปวง
สิ่งเหล่านี้ล้วนครอบคลุมกิจวัตรประจำวันของเราหลาย ๆ คนนะคะ

กรรมดีไม่จำเป็นต้องเข้าวัดค่ะ
ขอแค่ทำความเข้าใจกับธรรมะนะคะ
เพราะ "ธรรมะ คือ ธรรมชาติ" ค่ะ
ไม่ใช่การฝืนธรรมชาติ หรือฝืนการเป็นตัวเรานะคะ
ทำอะไรที่เป็นปกติ และไม่ละเมิดผู้อื่น
แค่นี้ก็เป็นการสร้างกรรมดีแล้วนะคะ

การแก้กรรม ใช้เวลานานไม๊

คำถามนี้มักจะเกิดขึ้นสำหรับหลาย ๆ คน
ที่ดวงตกแล้ว หรือเริ่มจะตก หรือเริ่มมีปัญหามากมาย
หรือทำอะไรแล้วติด ๆ ขัด เกือบจะทั้งนั้น

โดยปกติแล้วสำหรับหนทางในการแก้ไขกรรมนั้น
คือการสร้างกรรมใหม่ซึ่งเป็นกรรมดีขึ้นมา
เพื่อบรรเทากรรมเก่าซึ่งกำลังส่งผลอยู่ในปัจจุบันนะคะ
และกรรมใหม่ซึ่งเป็นกรรมดีเนี่ย กว่าจะส่งผลต้องใช้เวลาค่ะ
เพราะกว่าที่เราจะดวงตก หรือกว่าที่เราจะพบเจอปัญหา
หรือกว่าที่ปัญหามันจะพอกจนมากมายขนาดนี้แล้ว
มันก็ต้องใช้เวลาด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่ตอนนั้นเราไม่ได้เอะใจค่ะ
เราไม่ได้คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น หรือเราอาจจะหลงมัวเมากับทางโลกมากไป
หรือจะด้วยผลแห่งกรรมเก่าปิดบังไว้ ทำให้เราไม่เอะใจ ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเหตุแห่งความประมาททั้งสิ้นนะคะ
และกรรมดีกว่าจะส่งผลก็ต้องใช้เวลาเช่นเดียวกันค่ะ
ถ้าทำบ่อย ๆ ทำทุกวัน ทุกอาทิตย์หรือทุกเดือน
ก็อาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือน 3 เดือนหรือ 1 ปี
ขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในการทำความดีนั้น ๆ นะคะ

จำไว้นะคะสำหรับทุกท่านที่ดวงตก
ท่านจะต้องอดทน เพียรพยายามสร้างความดี
และต้องรอคอยเวลาให้ความดีส่งผลนะคะ
โดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปบนบานศาลกล่าวหรอกค่ะ
เพราะการบน ยิ่งจะทำให้เราติดขัดหนักกว่าเดิมนะคะ
และเป็นหนทางแห่งคนที่ไม่มีสติปัญญาค่ะ

ยิ่งบน ยิ่งเจอปัญหานะคะ
ยิ่งติดขัด ยิ่งเจอทางตันค่ะ
และที่สำคัญถ้าบนแล้วจะไม่ได้
งานนี้ต้องแก้เรื่องการติดสินบนอีกด้วยนะคะ

ทางที่ดีควรเพียรสร้างกรรมดีไปเรื่อย ๆ ดีกว่านะคะ

วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

รัก คือ ทำให้ดีที่สุด แล้วปล่อย

หลาย ๆ คนดิ้นรน ค้นหาความรักที่แท้จริง
อยากจะบอกให้ทุก ๆ คนได้รู้ว่า
ความรักที่แท้จริง คือ รักที่บริสุทธิ์
รักที่ เป็น การให้
และ รัก ที่ได้เห็น คนรักมีความสุข

ไม่ใช่สมัยนี้ ตอนนี้ที่ความหมายของความรักได้เปลี่ยนไปแล้ว
รัก คือ การครอบครอง การแย่งชิง การยึดติด
รัก คือ ความหวง ความอาวรณ์ และความเป็นเจ้าของ

สิ่งเหล่านี้ ล้วนคือ โมหะ "คือ การลุ่มหลง"
ใครก็ตามต่อให้เก่ง หรือเป็นใครที่ยิ่งใหญ่มาจากไหนก็แล้วแต่
เจอ โมหะ เข้าไป รอดยากทุกคน
ดังนั้น การดำรงชีวิตอยู่ในปัจจุบันนี้ ซึ่งรอบด้านล้วนมีแต่กิเลส
มีแต่ความอยาก มีแต่ความดิ้นรน มีแต่การแย่งชิง และขวนขวาย
เพื่อให้ชีวิตของตนนั้นได้อยู่บนพื้นฐานชีวิตที่ีมั่นคง
มีชื่อเสียง มีลาภยศ มีความเด่นดัง มีความคล่องตัว

จะมีใครบ้างที่สามารถปลด และปลงได้ บนพื้นฐานแห่งความเสียสละ
ชีวิตมนุษย์นี้สั้นนัก มัวดิ้นรน ยึดติดอยู่กับสิ่งเร้ารอบตัว
กว่าจะรู้ตัว หรือได้สติอีกครั้งก็เจ็บจนเกินที่จะสามารถทนได้

อยากหลุดพ้นจากภาวะเหล่านี้หรือไม่

ถ้าอยาก จงจดจำไว้ว่า "ความรัก คือ การเสียสละ"

และเรารู้หรือไม่ว่า ต้องเสียสละอย่างไร

1. เราต้องเคารพในสิ่งที่คนรักของเราเลือก

2. เราต้องยินดีเมื่อคนรักของเราได้ในสิ่งที่เค้าต้องการ

โมหะนั้น เหมือนหมอกบาง ๆ ที่คอยกั้นไม่ให้เราสามารถมองเห็นความจริงที่เกิดขึ้น

ทำให้เรายึดติด ว่าตัวเรานั้นถูกเสมอ และสิ่งที่เราทำนั้นถูกที่สุด

คอยปิดกั้นไม่ให้จิตสำนึก หรือสัญชาตญาณคอยเตือนเราได้ในสิ่งที่เราได้กระทำ

กว่าจะรู้ตัวว่าโดน "โมหะ" เข้าครอบงำ ตอนนั้นสำหรับบางคน ก็สายเกินไปเสียแล้ว

การมี "สติ" เท่านั้นที่จะสามารถทำให้เรารู้ตัว และรู้ทัน ต่ออำนาจแห่งความลุ่มหลง

แต่วิธีจะฝึกสติให้เกิดกับเราตลอดเวลานั้น จำเป็นต้องมีองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างรวมกัน

นั่นคือ การทำบุญ การทำทาน การสวดมนต์ และการเจริญภาวนา

สิ่งเหล่านี้ ล้วนสอนให้เรามีสติอยู่กับตัว และไม่ปล่อยใจไปไกลเกินตัว

หนทางแห่งการฝึกฝน มันช่างยากเย็น แต่ไม่มีอะไรสามารถเอาชนะความเพียรของมนุษย์ไปได้



วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ความจริงของ "ชีวิต"

เคยคิดฝันไว้ตั้งแต่เด็กว่า
อยากร่ำรวย อยากมีชื่อเสียง
อยากมีฐานะการเงินที่ดี
อยากมีหน้าตาในสังคม
อยากให้มีแต่คนชื่นชม

ระยะเวลาผ่านมาแล้วกว่า 30 ปี
ทุกอย่างไม่เป็นไปตามความฝัน
กว่าจะได้รู้ความลับของชีวิต
ก็เล่นเอาซะ แทบจะไม่เป็นผู้เป็นคน
เพราะมรสุมของชีวิตที่หนักหนาสาหัส

ผ่านมาแล้ว 2 ปีหลังจากได้รับรู้ว่า
จริง ๆ แล้วทุกชีวิตที่เกิดมาบนโลกใบนี้
ล้วนเกิดมาเพื่อชดใช้เวรกรรม
ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ตัวเราเองได้เคยทำไว้แล้วทั้งสิ้น

ได้โปรดอย่าไปถามใครเลยนะคะ
ถ้าหากมีคนทำให้เราเจ็บปวด มีความทุกข์
ท้อแท้ ผิดหวัง อกหัก ทรยศ โศกเศร้า
หึงหวง สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้น
จากบุคคลที่เราเรียกเค้าว่า "คนที่รักยิ่ง"
ซึ่งอาจจะรักมากกว่าบุพการีของตนเองด้วยซ้ำไป

แต่สำหรับดิฉันบุคคลเหล่านี้
ดิฉันเรียกเค้าว่า "เจ้ากรรมนายเวร"
เพราะถ้าเราไม่เคยทำกรรมกับใครไว้ก่อน
บอกได้เลยนะคะว่า ไม่มีใครสามารถมาสร้างความเจ็บช้ำให้กับเราได้หรอกค่ะ
ทำไมคนที่เดินถนนผ่านไปผ่านมา
ถึงไม่สามารถก่อทุกข์ให้กับเราได้เลยแม้เพียงเศษเสี้ยว
แต่กับคนบางคนทำให้เราเป็นทุกข์แทบล้มประดาตาย

อย่าต่อเวร อย่าต่อกรรม กันอีกต่อไปเลยนะคะ
อย่าไปอาฆาต อย่าไปเอาคืน อย่าไปสาปแช่ง กันอีกเลยค่ะ
คงไม่มีใครอยากเจ็บปวดแบบนั้นอีกแล้วใช่ไม๊คะ
คงไม่มีใครอยากทรมานแบบนั้นอีกแล้วใช่ไม๊คะ
ขอให้ความแค้น ความอาฆาต ความพยาบาท
มันจบลงที่เราเถ่อะค่ะ  การให้อภัย คือทานสูงสุดแล้วนะคะ

มนุษย์ เป็น ชาติภพเดียวที่จะทำให้เราทุกคนหลุดพ้น
ลด ละ เลิก ความอยากได้ใคร่ดี ความอยากมีอยากเป็นเถ่อะนะคะ
คำของพ่อหลวงที่สอนไว้ "เพียงพอ และพอเพียง"
สิ่งต่าง ๆ ผ่านเข้ามาแล้วมันก็ต้องผ่านไปค่ะ
ไม่มีอะไรจีรังนะคะ วันนี้เราสุข พรุ่งนี้เราทุกข์

ความสุขก็ไม่ได้อยู่กับเรานาน
ความทุกข์ก็ไม่ได้อยู่กับเรานาน
ความรักก็ไม่ได้อยู่กับเรานาน
ความแค้นก็ไม่ได้อยู่กับเรานาน
แม้แต้ความหนุ่มสาวยังอยู่กับเราได้ไม่นาเลยค่ะ
ทุกอย่างบนโลกนี้มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และต้องดับไปเสมอนะคะ




วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555

กรรมทางด้านการเงิน

กรรมทางด้านการเงิน เกิดจาก
การที่เจ้าของดวงชะตาเคยไปหยิบยืมเงินจากเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายไว้
แล้วไม่ใช้คืนก็ดี เคยใช้คืนแล้วก็ดี แต่อาจจะไม่หมด
เคยไปคดโกง เคยไปขโมย เคยไปฉ้อโกงเค้าไว้
และทำให้เค้าผูกพยาบาท อาฆาตและจองเวรนะคะ

กรรมนี้จะส่งผลอย่างไรต่อเจ้าของชะตา
จะทำให้เจ้าของดวงชะตามีเหตุให้ต้องติดขัดในเรื่องของการเงิน
มีเงินเท่าไหร่ไม่เคยพอใช้ จะให้มีมาก หรือมีน้อยก็ตามที
ก็จะมีเหตุให้จำเป็นต้องใช้จ่ายออกไปอยู่เสมอ
ทั้งแบบที่จำเป็นต้องจ่าย กับแบบที่จำใจต้องจ่ายนะคะ

เจ้าของดวงชะตาจะไม่ถึงขั้นไม่มีจะกินนะคะ
แต่จะมีแบบติด ๆ ขัด ๆ พอมีเงินเข้ามาก็จะต้องจ่ายออกไปแทบจะทันที
จะเป็นอย่างนี้อยู่ไม่ตลอดเวลา ก็แทบจะสม่ำเสมอ
จนทำให้เกิดความเคยชิน และน้อยเนื้อต่ำใจกับโชคชะตาเสมอ

วิธีการแก้ไขนะคะ
ควรทำบุญ ทำทาน สวดมนต์ ไหว้พระ บริจาคโลงศพ
หรือแม้แต่การให้อาหารสัตว์จรจัด หรือบริจาคทานนะคะ
แล้วอุทิศบุุญทั้งหลายที่เจ้าของดวงชะตาได้รับ
ให้ถึงแก่เจ้ากรรมนายเวรทางด้านการเงินที่กำลังส่งผลอยู่ในขณะนี้
ทำบ่อย ๆ นะคะ ทำให้เป็นนิสัยนะคะ
แล้วเรื่องต่าง ๆ จะค่อย ๆ คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น

ไม่ใช่ว่าทำตูมเดียว ทีเดียวเยอะ ๆ
แล้วหายไป ไม่ทำอีกต่อไปเลย
ถ้าทำเช่นนั้น ขอบอกไว้เลยนะคะ ว่าไม่เห็นผลค่ะ
ต้องค่อย ๆ ทำนะคะ ทำไปเรื่อย ๆ ทำบ่อย ๆ เสมอ ๆ
แล้วทุกอย่างก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นค่ะ

งานนี้ต่อให้มีเงินกองเป็นแสนเป็นล้าน
ก็จำเป็นต้องใช้ความเพียร และระยเวลาในการสั่งสมบุญ
เพื่ออุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวรนะคะ เพื่อให้เค้าอโหสิกรรมให้เราค่ะ
"ความเพียรเลิศ เป็นเครื่องขูดกิเลสหายนะคะ"